เป็นหนี้บัตรเครดิต / สินเชื่อ 2 ล้าน เงินเดือนเหลือจากส่งบ้าน ส่งรถ 30,000 แต่จ่ายขั้นต่ำไม่ไหว ขอคำแนะนำหน่อยครับ PANTIP พันทิป
ช่วงปีที่ผ่านมา มีความจำเป็นต้องใช้หนี้ ให้ทางบ้าน ที่เคยทำไว้ในอดีต
กดเงิน กู้เงินจากทุกธนาคาร มา รวมๆแล้ว 2 ล้านบาท
พยายามหมุนเงินจากบัตรนั้นมาบัตรนี้ (ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทำ)
แต่ตอนนี้ คิดว่าไม่ไหวแล้ว กำลังตัดสินใจว่าจะหยุดจ่าย เพื่อรอ แฮร์คัท
หรือไม่ก็รอเป็นหนี้เน่าก่อน แล้วเข้าโครงการคลีนิกแก้หนี้ ถ้าเขายังเปิดอยู่
ตอนนี้ว่าจะจ่ายเฉพาะ SCB (เงินเดือนเข้า)
และหนี้บ้าน หนี้รถ (ไม่รวมในตารางนี้)
ปัจจุบัน มีงานประจำที่ค่อนข้างมั่นคง อายุ 34 ปี เงินเดือน หักหนี้บ้าน หนี้รถแล้ว เหลือประมาณ 30,000 (บ้านกับรถเพิ่งผ่อนประมาณ 1 ปี)
ตอนนี้เครียดมาก เกิดมาไม่เคยโดนทวงหนี้ น้ำหนักลดไป 10 กก.
แต่หลังจากเดือนมีนาคมไปแล้ว อาจจะต้องแบกรับสภาพนี้
ท่านใดพอมีคำแนะนำ หรือทางออกอื่นๆ ขอคำแนะนำหน่อยครับ
ความคิดเห็นที่ 18
สามีเราเป็นหนี้ที่เกิดจากที่บ้านเหมือนกันค่ะ หนักหน่วงมาก ที่เค้าเรียกหนี้กตัญญู คือคำนิยามที่ถูกต้องที่สุดเลยค่ะ ขอเท่าไหร่ หาให้ได้ไม่เคยขัด เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ลำบาก จนตัวเองเริ่มไม่ไหว ก็ไม่เคยบอกพ่อแม่นะคะ ก็ยังกดบัตรนั้น จ่ายบัตรนี้ เอาเงินมาให้ที่บ้านอยู่ดีไม่เคยถามเลยว่าเค้าเอาเงินขนาดนี้ไปทำอะไร
จนวันนึงที่มันระเบิดค่ะ มันไม่ไหว จ่ายไม่ไหวแล้ว ร้องไห้ทุกวัน ทั้งที่งานการก็ดี เงินเดือนก็เยอะมาก เราที่เป็นภรรยาเค้า ยอมรับว่าเสียใจ ที่เค้าไม่เคยบอกเรา เราสงสารเค้ามาก เราเริ่มศึกษาหาข้อมูลเรื่องการเป็นหนี้บัตร การแก้หนี้ ทุกช่องทางที่สามารถทำได้ เราตัดสินใจให้สามีเรายอมทิ้งเครดิตและทำแฮร์คัท เก็บเงินเพื่อขอปิดจบทุกใบ ช่วงเดือนแรกที่เริ่มปล่อยบัตรคือหนักหน่วงมาก โดนโทรจิกกระหน่ำมากๆแต่ต้องอดทนเพราะเราไม่มีจ่ายจริงๆ เจ้าหนี้จะโทรถี่ๆช่วง 1-3 เดือนแรก เราให้รับสายตลอด บอกเค้าไปว่าไม่มี ลดได้ไหม ช่วงนี้จิตต้องแกร่งมาก พอผ่านไปสักสี่ห้าเดือนสายจะเริ่มลดลง หลังจากนั้นส่วนมากแบงค์จะขายหนี้ให้บริษัทกฎหมายอื่นๆต่อไป ซึ่งตรงนี้เราก็พยายามต่อรองเพื่อขอส่วนลดได้ ถ้าเงินถึงก็ปิดเลยจบ ถ้าเรื่องยืดเยื้อ ก็ไปต่อกันที่ศาล เราอยู่กับสามีเราในทุกขั้นตอนค่ะ เราเชื่อว่าที่ผ่านมาเเล้ว มันแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่เราเริ่มใหม่ได้ค่ะ แค่อดทนและทำตามขั้นตอน ถึงแม้ตอนนี้สามีเราจะยังไม่สามารถจัดการหนี้ได้หมด แต่ก็ลดลงไปเยอะแล้วค่ะ สามีเรามีรับงานเสริมเสาร์อาทิตย์ด้วย ส่วนที่บ้านเค้า ทุกคนก็ต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อใช้หนี้ในส่วนที่นอกเหนือจากที่สามีเรารับมาค่ะ ยอดหนี้ของสามีเราก็ใกล้เคียงกับเจ้าของกระทู้เลยค่ะ
(ปล เรากับสามีไม่ได้จดทะเบียนค่ะ, ทรัพย์สินชื่อสามี มีแค่บ้านที่ยังผ่อนค่ะ / ส่วนเราไม่เคยซัพพอร์ทเงินช่วยที่บ้านเค้านะคะ เราช่วยในส่วนของเรากับเค้า ค่าอยู่ ค่ากิน ไปเที่ยว เรามีความคิดที่ว่าหนี้ส่วนบุคคล คือ หนี้ส่วนบุคคล ค่ะ ถึงจะเป็นสามี-ภรรยา แต่หนี้นั้นเกิดจากครอบครัวเค้า เราทำได้แค่ซัพพอร์ทคนของเราเท่าที่ไหว เราจะไม่ไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อปิดจบหรือโปะหนี้ให้ใครค่ะ)
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
แต่ไม่ว่าจะเหลือเท่าไรก็ไม่พอขั้นต่ำของทุกเจ้าหนี้
ตอนนี้สิ่งที่คุณอาจจะทำได้คือ ไปหา ธนาคารสักที่ขอรวมหนี้
แต่บอกเลยยอด 1.9 ล้าน รวมยาก ตอนนี้แต่ละที่ไม่ค่อยรับรวมหนี้ที่ยังไม่ผิดสัญญาเท่าไร
ถ้าเป็นหนี้ NPL จะหาคนรวมได้ง่ายขึ้น
งั้นมาคิดตามหลักความจริง
ตอนนี้คุณมีเงินเหลือไม่พอจ่ายหนี้ ยังไงสุดท้ายคุณต้องผิดสัญญาแน่นอน ไม่เจ้าใด ก็เจ้าหนึ่ง
ผลที่ตามมาคือ คุณจะมีชื่อติดบูโร ว่ามีการผิดสัญญา แล้วจะส่งผลอะไร คุณจะไม่สามารถทำธุรกรรม กู้ยืมในระบบใดๆ ได้อีกนาน
ต่อมาคือ แล้วต้องทำไงต่อละ ในเมื่อเงินไม่พอจ่ายขั้นต่ำทุกเจ้า
มันมีทางให้เลือกแค่ว่า จะหยุดจ่ายบางเจ้า หรือหยุดจ่ายทุกเจ้า อันนี้คุณต้องเลือกเอง
แต่สำหรับผมบอกได้เลยว่า ผลลัพท์ไม่ต่างกันหรอก
งั้นหลังจากหยุดจ่ายแล้วคุณจะเจออะไร
1. ครบ 3 เดือน เจ้าหนี้จะปรับหนี้คุณ เป็นหนี้ผิดสัญญา
2. เจ้าหนี้ จะทำเอกสารเพื่อไปฟ้องเพ่งกับคุณในชั้นศาล โดนเจ้าหนี้ฟ้องเพ่ง ต้องไปศาลไหม ควรไปเพราะไปแล้วเพื่อรับฟังคำพิจารณาคดีด้วยตัวเอง จะได้ถ่ายเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเก็บไว้ เพราะสุดท้ายยังไงศาลท่านก็ต้องมีคำสั่งให้คุณชำระหนี้กับเจ้าหนี้อยู่ดี เพราะมันเป็นหนี้ในระบบคุณไม่มีทางสู้คดีให้ยกฟ้องหรอก หรือถ้าคุณไม่ไปศาล ก็ยิ่งง่ายกับเจ้าหนี้ไปใหญ่ ศาลถือว่าคุณขาดศาลไม่ต้องสอบถามอะไรเยอะสรุปคำสั่งตามที่เจ้าหนี้ฟ้องเลย
3. พอศาลมีคำสั่งฟ้องแล้ว เกิดอะไรขึ้น ตามกฏหมายคุณก็ควรชำระเงินตามคำสั่งศาล แต่ถ้าสุดท้ายคุณเองไม่มีเงินที่จะไปชำระจะเกิดอะไรตามมา เจ้าหนี้จะเอาคำสั่งศาลไปทำการสืบทรัพย์ ซึ่งตอนนี้ทรัพย์ที่เห็นๆ ก็คือ บ้านและรถที่คุณกำลังผ่อนอยู่ ในขั้นตอนนี้เจ้าหนี้จะส่งเรื่องไปที่กรมบังคับคดีให้มีคำสั่งยึดทรัพย์ของคุณ เพื่อไปขายทอดตลาด ถ้าโดนตรงนี้ ปัญญหาใหญ่ละ
4. เพราะบ้านและรถที่คุณยังผ่อนไม่หมด มีสิทธิ์ถูกยึดไปเพื่อขายเอาเงินไปจ่ายเจ้าหนี้ที่มีคำสั่งศาลในมือ ผลที่ตามมาคือ ทรัพย์ที่ถูกยึดไปส่วนใหญ่จะขายต่ำกว่าราคาตลาด ทำไมไม่เพียงพอที่จะปิดหนี้ค่าบ้าน ค่ารถคุณได้ และไม่พอที่จะเอาไปจ่ายหนี้ให้ เจ้าหนี้รายอื่นอีก
5. หลังจากยึดบ้านและรถคุณไปขายจนหมดละ ทำไงต่อ เจ้าหนี้ที่มีคำสั่งศาลก็ไปสืบว่าคุณทำงานที่ไหน บริษัทฯ ไหนส่งประกันสังคมให้คุณ เขาก็จะทำเรื่องไปที่กรมบังคับคดี ให้ยึดเงินเดือนคุณทุกเดือน โดยเหลือให้คุณใช่ดำรงชีวิตเดือนละ 2 หมื่นบาท ถ้าหรือเดือนไหนคุณได้โบนัสก็ยึด 50%
6. ส่วนเจ้าหนี้คนอื่นๆ ที่ยังไม่ฟ้อง หรือยังไม่บังคับคดีกับคุณทำไง เขาก็จะโทรทวงเงินกับคุณวันละ 1 รอบตามที่กฏหมายบังคับ ไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะมีเงินไปคืนเขา
ปล. หนี้บัตรเครดิตเจ้าหนี้ต้องฟ้องศาลภายใน 2 ปี หนี้กู้เงินที่ผ่อนเท่าๆ กันทุกเดือนต้องฟ้องศาลภายใน 5 ปี นับจากวันที่คุณหยุดจ่ายครั้งแรก
ปล. 2 หลังจากศาลมีคำสั่งฟ้องแล้ว เจ้าหนี้ต้องยื่นอายัดทรัพย์ภายใน 10 ปีหลังจากศาลมีคำสั่ง
ปล. 3 หนี้คุณมันยากตรงที่ว่า บ้านและรถเป็นชื่อของคุณนี้แหละ หรือถ้าคุณมีทรัพย์สินตรงอื่นอีก เขาก็ตามยึดได้หมด
ในตัวตอนนี้ มีทรัพย์สินอะไรที่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ ให้ขายเอาเงินก่อนเลยค่ะ ของนอกกาย หมดหนี้แล้วค่อยหาใหม่ได้ไม่ยาก
บ้านกับรถ เข้าใจว่าไม่ควรขายออกในตอนนี้เพราะจะทำให้หนี้เพิ่ม ก็เก็บไว้ค่ะ ลองดูตรงส่วนอื่นแทนว่ามีอะไรปรับลด-เพิ่มได้บ้าง
ส่วนตัวไม่เคยเป็นหนี้ แต่เคยอ่านเจอว่าให้ลองเรียงลำดับหนี้จากก้อนเล็กสุด ไปใหญ่สุด แล้วทยอยจ่ายให้จบไปทีละเจ้าแบบ snowball
แบบนี้จะลดภาระได้ไวกว่า แล้วคนส่งก็มีกำลังใจส่งด้วยเพราะจากที่คิดว่าต้องส่งหนี้ 2 ล้าน กลายเป็นคิดแค่ส่งหนี้แสนกว่าบาทแทน
อีกอย่างที่อยากให้ลงรายละเอียดคือ fix cost ต่อเดือนคุณเป็นเท่าไหร่? แจกแจงออกมาเป็นข้อๆให้เลยได้ไหมคะ?
เช่น เงินเดือนสุทธิ (หลังหักภาษี, ปกส.) เท่าไหร่, ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เท่าไหร่, ค่าน้ำมัน, ค่าโทรศัพท์/เน็ต, ค่าน้ำค่าไฟ, และค่าอาหาร
มีภาระอะไรที่เงินจะต้องกระเด็นออกจากกระเป๋าคุณบ้างในแต่ละเดือน ช่วยแจกแจงออกมาให้ละเอียดเลยได้ไหมคะ?
จะได้ช่วยกันคิดว่าความสามารถในการผ่อนจ่ายสูงสุดต่อเดือนมันคือเท่าไหร่กันแน่ เรื่องเงินจะแค่กะๆเอาไม่ได้ค่ะ ต้องคำนวณให้เห็นตัวเลขเป๊ะๆ